ร้านขายยา บ้านยา อาร์อิม
ขอแนะนำขั้นตอนการเปิดร้านขายยา จากประสบการณ์จริงค่ะ ไม่จำเป็นต้องขายเองแต่ขอให้เข้าถึงหัวใจของการขายยาก็พอ
1. สำรวจตัวเองว่ามีใจรักจริงที่จะเปิดร้านขายยา แบ่งเป็น
- มีใจรักในการบริการ
- มีความซื่อสัตย์
- มีจรรยาบรรในการขาย ไม่จ่ายยาโดยไม่จำเป็น (ยัดยานั่นเอง)
2. ต้องเข้าถึงหัวใจของการขายยา เราต้องเข้าอบรมหลักสูตร "ผู้ช่วยเภสัช" ณ สถาบันที่เชื่อถือได้ เขาจะสอนให้เรารู้ทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ ที่จำเป็นในการขายยา และเปิดร้านขายยา ณ ที่นี้ขอแนะนำ B-TO Training Ceter ตรงข้ามโรงพยาบาลพระราม 9 เจ้าของสถาบันเป็นอาจารย์ที่เก่งมาก
3. หลังจากอบรม และฝึกงานเสร็จแล้ว ก็ออกมาหางานทำเป็น ผู้ช่วยเภสัช สักประมาณ 6 เดือน วัตถุประสงค์ที่ต้องฝึกการทำงาน เราต้องได้ความชำนาญในเรื่องต่างๆ ดังนี้
- ฝึกความชำนาญในการจ่ายยา
- ฝึกประสบการณ์ในการจ่ายยา
- ฝึกการบริการผู้ป่วย
- ฝึกบุคลิกภาพของเราในการพบกับผู้ป่วย
- เรียนรู้ระบบงานบริหารของร้าน
- เรีนยรู้เรื่องการปฏิบัติตัวระหว่างนายจ้างกับผู้ช่วยเภสัช เราจะได้นำแนวคิดไปประยุคใช้กับพนักงานของเรา
- เรียนรู้เรื่องการสั่งซื้อสินค้าระหว่างร้านกับผู้แทนขายยา
- เรียนรู้เรื่องการบริหารเงิน อาทิ รายรับ ค่าใช้จ่าย วิเคราะห์ยอดขายต่อวัน ต่อเดือน จุดคุ้มทุน
- เราต้องทำงานในร้านที่เราฝึกงานให้ดีที่สุด เปรียบเสมือนเป็นร้านเราเอง เพราะถ้าเราทำจริง ยอดขายออกมาดีจริง เมื่อเรามีร้านเองในอนาคตมันก็จะออกมาดีอย่างที่เราทำไว้
- ร้านที่ไปฝึกงานนั้นควรเป็นร้านที่มีพนักงาน 1-2 คน เพราะเราจะได้ความรู้มากกว่า ยิ่งเราอยู่ร้านคนเดียวยิ่งดี
ข้อมูลเหล่านี้เป็นประโยชน์มาก ที่เราต้องรู้ล่วงหน้าให้ได้ เพื่อประโยชน์ในการบริหารร้านของเราเอง ถ้าหากว่าหาร้านฝึกงานที่ได้ความรู้อย่างที่กล่าวข้างต้นไม่ได้ ก็ติดต่อมาขอฝึกที่ร้านก็ได้ค่ะ จะแนะนำให้หมดเลย
4. พอเรามั่นใจในข้อมูลที่ได้ว่าเพียงพอ เราก็มาเริ่มต้นมองหาทำเลในการเปิดร้าน ขอย้ำว่าทำเลดีนั้น หายากมากๆ ควรมองหาตั้งแต่ เราเริ่ม ข้อที่ 1. แล้วนะค๊ะ
5. การวิเคราะห์ต้นทุนในการเปิดร้าน (ทั้งหมดนี้เป็นการแนะนำสำหรับคนที่มีงบอย่างจำกัด และต้องการใช้ทุกบาททุกสตางค์ให้เป็นประโยชน์ที่สุด) ค่าใช้จ่ายจะแบ่งได้เป็น 3 ชนิด
5.1 ค่าใช้จ่ายเริมต้น
- ค่ามัดจำร้านล่วงหน้า 3 เดือน 12,000 X 3 = 36,000
- ค่าเช่าร้าน 1 เดือน 12,000 X 1 = 12,000
- ค่าประตูกระจก 14,000 X 1 = 14,000
- ค่าตู้ 4 ใบ (ดิฉันใช้ของดีค่ะ ถึงจะราคาแพงแต่ร้านต้องมองดูดีค่ะ)
15,000 X 4 = 60,000
- คอมพิวเตอร์ + Printer + UPS (ใช้แบบถูกได้ค่ะแต่ต้องจอแบนนะ เน้นดูดีไว้ก่อน)
17,500 X 1 = 17,500
- ลิ้นชัก + Barecode Scaner 9,000 X 1 = 9,000
- เครื่องตีป้ายราคา + กระดาษ 750 X 1 = 750
- โต๊ะปรุงยา 1,200 X 1 = 1,200
- เก้าอี้ 300 X 2 = 300
- เก้าอี้สูง 500 X 1 = 500
- ถาดนับยา 190 X 2 = 380
- โปรแกรมร้านขายยา 2,000 X 1 = 2,000
- ป้ายชื่อร้าน... 5,000 X 1 = 5,000
- ป้ายสถานที่ขายยา... 350
- ป้ายเภสัช... 350
- ค่าขึ้นทะเบียน อ.ย. 2,000
- ยา Lot แรก (อาจปรับเป็น 100,000 ก็ได้) 150,000
- เงินสำรองซื้อยา 50,000
- เบ็ดเตล็ดอื่นๆ 5,000
รวมเป็นเงิน ..........(รวมเองแล้วกันค่ะ)
5.2 เงินทุนสำรองจ่าย 2 เดือน
- ค่าเช่าร้าน 2 เดือน 12,000 X 2 = 24,000
- ค่าน้ำ + ค่าไฟ 2,500 X 2 = 5,000
- ค่าพนักงานที่ 1 8,500 X 2 = 17,000
- ค่าพนักงานที่ 2 7,500 X 2 = 15,000
- ค่าเภสัช 4,000 X 2 = 8,000
รวมเป็นเงิน ..........(รวมเองแล้วกันค่ะ)
5.3 ค่าใช้จ่าย Fix Cost ต่อเดือน = ข้อ 5.2 หาร 2 (34,500)
ทั้งหมดคือ เงินก้อนที่เราต้องมีอยู่ในกระเป๋าก่อนที่เริ่มคิดถึงข้อที่ 1 ด้วยนะค๊ะ เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ร้านแรกดิฉันเปิดด้วยงบเพียง 150,000 บาท ยา Lot แรกลง 30,000 เหนื่อยมากค่ะ ต้องสั่งยาทุกวันชักหน้าไม่ถึงหลัง เงินทุนไม่พอ ต้องชักเนื้อมาจ่ายทุกสิ้นเดือน แต่ก็ถือว่าดีสำหรับเปิดร้านครั้งแรกค่ะ ได้ประสบการณ์ดี เปิดหุ้นกับคนรู้จักน่ะค่ะ เค้าทุนน้อยลงมากไม่ใหว ณ วันนี้ดิฉันก็เลยยกร้านให้เค้าไปบริหารเองค่ะ (ให้เค้าไปดิ้นเอาเอง) ร้านที่ 2 เป็นร้านของตัวเอง ค่อยยังชั่วหน่อยค่ะ ใช้งบข้อ 5.1 และ 5.2 รวม 400,000 บาท ลงยา Lot แรก 150,000 บาท ก็ค่อยยังชั่ว ดิฉันไม่เน้นลงยาครบทุกชนิด แต่ยาทุกตัวที่ลงต้องขายได้ไม่มีค้าง
6. การวิเคราะห์การขาย
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา กำไรจากการขายยาจะอยู่ที่ 35 % (ร้านของดิฉันต้องขายยาแผง ยา Original ยาตัก ยา Copy ขายไม่ได้เลย คือเป็นลูกค้าระดับสูงค่ะ) เราต้องตั้งธงเอาไว้ว่า จากข้อ 5.3 ถ้าเราต้องการอยู่รอด
- เราต้องขายให้ได้ เดือนละ 98,572 เป็นทุน 64,072 กำไร 34,500
- ถ้าใน 1 เดือน เราขาย จันทร์-เสาร์ เราจะมีเวลาขายของเดือนละประมาณ 26 วัน เพราะฉนันเราต้องขายเฉลี่ย 3,792 บาท/วัน และระหว่างที่เราได้เงินจากการแล้ว ห้ามเอาไปใช้ทำอย่างอื่นนะ เพราะเราลงทุนยา Lot แรกน้อยจึงต้องสั่งซื้อยาเพิ่ม สัปดาห์ละ 15,000 บาท
7. Schedul of work ในการเปิดร้านและการขออนุญาติ สมมติเริ่มวันแรกเป็นวันที่ 1 นะค๊ะ
- เตรียมเงิน + เปิดบัญชี (ถ่ายสำเนา 1 ชุด) วันที่ 1
- เช่าร้าน (เตรียมสัญญาเช่า + หนังสือยินยอม ถ่ายสำเนา 1 ชุด) วันที่ 1
- สั่งซื้อตู้ วันที่ 1-7
- เตรียมรายการยา lot แรก วันที่ 1-8
- สั่งป้ายต่างๆ วันที่ 1-7
- สั่งโต๊ะปรุงยา + เก้าอี้ วันที่ 1-7
- ซื้อถาดนับยา วันที่ 1-7
- ติดต่อเภสัช วันที่ 1-7
- ตู้เข้าร้าน วันที่ 8
- ป้ายเข้าร้าน วันที่ 8
- โต๊ะปรุงยา + เก้าอี้ เข้าร้าน วันที่ 8
- ถาดนับยาเข้าร้าน วันที่ 8
- ถ่ายรูปร้านตามแบบที่กำหนด วันที่ 8
- อัดรูป + จัดเตรียมเอกสาร วันที่ 8
- จูงมือเภสัชไป อ.ย. ครั้งที่ 1 พร้อมเอกสาร วันที่ 9
- หลังจากออกจาก อ.ย. วันที่ 9 ให้โทรนัดคุณผู้ตรวจร้านเลย
- สั่งยา วันที่ 10
- ตรวจร้าน จูงมือเภสัชมาด้วย ครั้งที่ 2 วันที่ 12
- ถ้าเป็นไปได้ ลงยา จัดร้าน ลงอุปกรณ์ที่เหลือทั้งหมด วันที่ 12 หลังจากตรวจร้านเสร็จ (ต้องมี 2 ทีม)
- วันที่ 13 รอรับใบอนุญาติ ประมาณ 2 สัปดาห์ หรือแล้วแต่เจ้าของร้านจ๊ะ
อันนี้เป็นสถิติที่ดิฉันทำได้ในการเปิดร้านครั้งที่ 2 ค่ะ ครั้งแรกปาไปตั้ง 25 วันแน่ะกว่าจะได้ขาย
8. เทคนิคในการเลือกยา(จากประสบการณ์ของดิฉันเอง)
- ใช้ความรู้ที่ได้จาก ข้อ 3. และจากประสบการณ์ที่ได้มา คัดออกมา ประมาณ 300 รายการ และเลือกปริมาณสำหรับขายได้ 3 เดือน
- ผู้ป่วยในแต่ละทำเลจะมีความต้องการใช้ยาไม่เหมือนกัน เงินสำรองซื้อยาในข้อ 5 เอาไว้ใช้ในการนี้ค่ะ ใน 300 รายการที่เราเลือกมา ถ้าผู้ป่วยต้องการยานอกเหนือไปจากนี้ เราต้องบอกว่า "ขอโทษครับยาตัวนี้เข้าวันจันทร์ พอดีเพิ่งเปิดยายังมาไม่ครบครับ" แล้วเราก็จด ในทุกๆความต้องการ แล้วเราก็สั่งซื้อเข้ามา และวันหนึ่งเราจะมีของครบตาม
- ถ้าเรากลัวว่าเรามียาไม่ครบอาจทำให้เสียลูกค้าได้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่า ถ้าเราเข้าถึงหัวใจของ ข้อ 1. แล้ว ลูกค้าจะมีความเมตตาเราตอบกลับมา และสามารถเฝ้ารอเราได้เช่นกัน
- ลูกค้าประจำ ถ้าเราเข้าถึงหัวใจของ ข้อ 1. ยาหลายชนิดที่ลูกค้าต้องใช้ประจำ ทุกเดือน หรือเมื่อยาหมด จะทำให้เราสามารถประมาณการณ์ในการสั่งสินค้า และประมาณการณ์ยอดขายของเราในอนาคตใด้
ทั้งหมดนี้เป็นข้อแนะนำ ที่เคยลงประกาศในเว็บอื่นๆ ดิฉันก็เป็นแค่คนธรรมดาที่อยากเปิดร้านขายยา ไม่ได้มีงบมากมาย เคยสอบราคาในการเปิดร้านของที่อื่นๆ ราคาแพงสู้ไม่ใหว และมีค่าใช้จ่าแอบแฝงเยาะ เปิดเอง ทำเอง แม้จะหนักหน่อย เหนื่อยหน่อย แต่ก็รู้ว่าทุกบาทที่จ่ายไปเป็นค่าอะไร อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมโทรมาคุยได้ค่ะ